
จากบทเรียนที่ผ่านมา เหตุการณ์เพลิงไหม้แต่ละครั้งได้คร่าชีวิตและสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก และเราก็จะลืมเหตุการณ์เหล่านั้นไป และไม่ได้ระมัดระวังเท่าที่ควร ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้เกิดกับญาติหรือพี่น้องของตนเอง อย่างไรก็ตามยังมีหลายฝ่ายที่ติดตามและพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก แต่เนื่องจากการแข่งขันในปัจจุบันเกิดขึ้นและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอาศัยช่องว่างของกฎหมาย หลีกเลี่ยงข้อกำหนดของกฎหมายโดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร และต่อส่วนรวมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเจ้าของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง จะหวังรถดับเพลิงจากทางราชการ ก็จะไม่ทันการณ์
บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายต่อระบบโดยรวม และตระหนักถึงความสำคัญของระบบ “ FIRE LIFE SAFETY” โดยผู้เขียนขออธิบายสั้นๆ ส่วนในรายละเอียดของแต่ละระบบ จะนำมาเขียนทั้งข้อกฎหมายและมาตรฐานการติดตั้งต่อไป
“FIRE LIFE SAFETY SYSTEMS” หมายถึงระบบความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ที่เกิดจากอัคคีภัย ซึ่งแยกออกเป็นระบบได้ดังนี้
1. Management Of Change (MOC)
หมายถึง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผังอาคารหรือมีพื้นที่บางแห่งนำวัตถุที่ติดไฟได้ง่ายหรือวัตถุที่หากติดไฟแล้วเป็นอันตรายเข้ามาในอาคาร ซึ่งอาจทำให้พื้นที่บริเวณนั้นมีความเสี่ยงอันตรายเพิ่มขึ้นเพราะระบบหรือมาตรการการป้องกันที่มีอยู่ไม่เพียงพอหรือสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น ปริมาณน้ำดับเพลิงอาจไม่เพียงพอ อุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้อาจไม่เหมาะสมเพราะทำงานช้าเกินไป เป็นต้น นอกจากนี้หลายครั้งที่ผู้เขียนไปตรวจสอบความปลอดภัยของอาคาร ได้ขอแบบแปลนอาคารหรือระบบประกอบอาคาร มักจะได้รับคำตอบว่า ไม่มี หรือมีแต่เป็นแบบที่ไม่ทันสมัย เพราะผู้ประกอบการนั้นไม่ได้ให้ความสนใจปรับแก้ไขแบบเมื่อมีการเปลี่ยนผังอาคารหรือเพิ่ม/ลดอุปกรณ์ รวมถึงการปรับแผนฉุกเฉิน และแผนการบำรุงรักษาระบบอุปกรณ์ต่างๆด้วย หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอาจจะทำให้ล่าช้าในการระงับเหตุ และทำให้ลุกลามเป็นเพลิงขนาดใหญ่ได้ เพราะไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาคารหรือสารเคมีแก่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง


2.Life Safety system หรือระบบความปลอดภัยต่อชีวิตของผู้ใช้อาคาร ระบบนี้มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งปกติแล้วจะต้องตรวจแบบตั้งแต่เริ่มออกแบบและแก้ไขก่อนการก่อสร้างให้ถูกต้อง เพราะเป็นความปลอดภัยต่อชีวิตของผู้ใช้อาคารจะต้องออกแบบก่อสร้างให้เป็นไปตามกฎหมายและตามมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น โรงงาน โรงแรม คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า โรงภาพยนต์ หรืออาคารสาธารณะต่างๆ โดยจะต้องคำนึงถึงหลักสำคัญๆ ดังนี้
2.1 พิจารณาจำนวน ขนาด และส่วนประกอบของเส้นทางหนีไฟของอาคารที่สามารถรองรับจำนวนคนในแต่ละเส้นทางได้ รวมถึงระยะทางสัญจร ทางบังคับ เพื่อกำหนดที่ตั้งของบันไดหนีไฟให้เหมาะสม (Means of Egress)
2.2 พิจารณาการติดต่อลุกลามและแพร่กระจายควันไฟ ด้วยการแบ่งส่วนอาคาร (Fire compartments) รวมทั้งการป้องกันช่องเปิดแนวดิ่ง (Vertical openings)
2.3 พิจารณาว่ามีแสงสว่างฉุกเฉินพอหรือไม่ (Emergency light)
2.4 พิจารณาว่ามีป้ายบอกทางหนีไฟเพียงพอและชัดเจน (Exit light)
2.6 พิจารณาว่าอาคารมีวิธีการจัดการหรือระบายควันไฟในอาคารอย่างเหมาะสม (Smoke control)
2.7 พิจารณาแผนและขั้นตอนการอพยพคนออกจากอาคาร (Evacuation plan and procedure)

3. Fire alarm system หรือ ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นระบบที่แจ้งเตือนให้กับผู้ใช้อาคารได้รู้ตัว และ อพยพออกจากอาคาร ก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ ระบบนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนที่สำคัญคือ
3.1 Initiating devices หรืออุปกรณ์เริ่มสัญญาณ ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟหรือความร้อน และอุปกรณ์ตรวจจับน้ำดับเพลิงไหล ซึ่งเป็นการตรวจจับตลอดเวลาแบบอัตโนมัติ และอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ (คนดึงหรือกดเพื่อให้เกิดสัญญาณเตือนภัย)
3.2 Notification Devices หรือ อุปกรณ์เตือนเพลิงไหม้ ซึ่งจะทำงานหรือส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้อาคารรู้ตัวเมื่ออุปกรณ์ตรวจจับหรือแจ้งเหตุทำงานแล้ว ซึ่งสามารถออกแบบทั้งเป็นระบบแสง และระบบเสียงควบคู่กัน ซึ่งในปัจจุบันนี้อาคารส่วนใหญ่ จะต้องออกแบบให้มีเสียงพูดชนิดลำโพง (speaker) ยกเว้นอาคารขนาดเล็กที่มีคนไม่เกิน 300 คน อนุโลมให้ใช้ชนิดกระดิ่งได้
4. Automatic sprinkler systems หรือ ระบบดับเพลิงด้วยน้ำอัตโนมัติ ซึ่งในมาตรฐานสากลแบ่งออกได้ เป็น 4 ระบบตามสภาพของพื้นที่ที่ติดตั้ง มีดังนี้คือ
4.1 Wet pipe system หรือ ระบบท่อเปียก
4.2 Dry pipe system หรือ ระบบท่อแห้ง
4.3 Deluge system หรือ ระบบเปิด
4.4 Pre-action system หรือ ระบบท่อแห้งแบบชะลอน้ำเข้า


5. Fire suppression systems หรือ ระบบดับเพลิงที่ใช้สารเคมี หรือสารสะอาดทดแทนระบบน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากน้ำและลดเวลาการฟื้นฟูภายหลังการเกิดเหตุ เช่น ระบบ Wet chemical, N2, หรือ CO2 เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะออกแบบสำหรับ ห้องอุปกรณ์สื่อสาร ห้องคอมพิวเตอร์ หรือห้องไฟฟ้า
6. Portable fire extinguishers หรือเครื่องดับเพลิงแบบมือถือ เป็นอุปกรณ์ดับเพลิงขั้นต้นสำหรับคนทั่วไป ซึ่งมีความจำเป็นและสำคัญมากต่อสถานประกอบการ และมีกฎหมายบังคับให้ติดตั้งในทุกสถานประกอบการ ซึ่งสามารถดับไฟในเบื้องต้นได้ก่อนที่จะกลายเป็นเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ ประเภทของเชื้อเพลิงและประเภทของการใช้งาน แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
6.1 ประเภท ก (Class A) หมายถึง เพลิงที่เกิดขึ้นจากวัสดุติดไฟ จากของแข็ง เช่น ไม้ กระดาษ เสื้อผ้า พลาสติก
6.2 ประเภท ข (Class B) หมายถึง เพลิงที่เกิดขึ้นจากวัสดุติดไฟ จากของเหลว เช่น น้ำมัน สี จารบี
6.3 ประเภท ค (Class C) หมายถึง เพลิงที่เกิดขึ้นจากวัสดุติดไฟ จากอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร
6.4 ประเภท ง (Class D) หมายถึง เพลิงที่เกิดขึ้นจากโลหะที่ติดไฟ เช่น Magnesium sodium lithium หรือ potassium
6.5 ประเภท จ (Class K) หมายถึงเพลิงที่เกิดขึ้นจากไขมันพืช และ สัตว์ เช่น น้ำมันที่ใช้ทำอาหารในครัว
ดังนั้นทุกสถานประกอบการจะต้องมีพนักงานที่ได้รับการฝึกการใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือได้อย่างถูกต้อง เมื่อต้องเป็นผู้เผชิญเหตุด้วยตัวเอง ซึ่งกฎหมายบังคับผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละสี่สิบของจำนวนลูกจ้างในแต่ละหน่วยงานของสถานประกอบกิจการรับการฝึกอบรมการดับเพลิงขั้นต้น โดยให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรม แต่ผู้เขียนแนะนำว่า ควรอบรมให้ครบ 100% เพื่อจะได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อสถานประกอบการ
ก่อนที่จบบทความนี้ ผู้เขียนหวังว่าทุกคนคงเห็นความสำคัญและเข้าใจ ของระบบ Fire and life safety ซึ่งนอกจากจะป้องกันชีวิตของผู้ใช้อาคารและทรัพย์สินของผู้ประกอบการแล้ว ยังสามารถสร้างโอกาส สร้างรายได้ทางธุรกิจ และที่สำคัญคือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้อาคาร กับความน่าเชื่อถือในการลงทุน

REFERENCE
- NFPA 10 , Standard for Portable Fire Extinguishers Code, 2017 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 12 , Standard on Carbon Dioxide Extinguishing Systems Code, 2018 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 13 , Standard for the Installation of Sprinkler Systems Code, 2019 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 14 , Standard for the Installation of Standpipe and Hose Systems Code, 2019 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 17A , Standard for Wet Chemical Extinguishing Systems Code, 2017 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 72 , National Fire Alarm and Signaling Code, 2019 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 92 , Standard for Smoke Control Systems Code, 2018 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 101 , Life Safety Code, 2018 Edition : National Fire Protection Association
- NFPA 2001 , Standard on Clean Agent Fire Extinguishing Systems Code, 2018 Edition : National Fire Protection Association
Khun Boontham Jankaeo
Senior Engineer
